นวัตกรรมสมัยใหม่ได้ทำให้สังคมเปลี่ยนแปลงไป ความสามารถของเทคโนโลยีตอบสนอง มนุษย์ได้ดีมากยิ่งขึ้น และในหลายสาขาอาชีพได้นำความรู้เกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์หรือเครื่องจักร ที่มีความสามารถเหมือนมนุษย์มาใช้ หลังจากหลายสิบปีผ่านไป ผู้คนเริ่มมีความคิดที่ว่างานในปัจจุบัน หลายงานอาจไม่มีความจำเป็นที่ต้องใช้มนุษย์อีกต่อไป
ด้วยเหตุนี้จึงมีการเรียกร้องให้พัฒนาการศึกษาอย่างเร่งด่วน เพราะการศึกษาเป็นกลยุทธ์เพียงหนึ่ง เดียวที่จะทำให้มนุษย์สามารถขับเคลื่อนกิจกรรมทางสังคมด้วยตนเองได้อย่างเต็มที่ ถึงแม้จะอยู่ท่ามกลางสังคมคอมพิวเตอร์ก็ตาม
มีการค้นพบว่า การศึกษาในช่วงแรกจนถึงอายุ 5 ขวบ มีผลต่ออนาคตของเด็ก และทั่วโลกเริ่มตระหนัก ถึงความสำคัญของการศึกษาในช่วงปฐมวัย ช่วงแรกที่การศึกษาปฐมวัยเริ่มเข้ามามีบทบาท ผมตระหนักได้ว่าการศึกษา ของเด็กในช่วงวัยนี้นั้นสำคัญมาก และผมรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่ทุกคนไม่ได้มองข้ามและหันมาให้ความสนใจในเรื่องนี้ สิ่งที่สำคัญอย่างมากสำหรับเด็กช่วงวัยนี้คือ การศึกษาที่เดินไปพร้อมกับพัฒนาการของเด็ก และมีผู้ใหญ่คอยช่วยแนะแนวทางให้ โดยไม่บังคับให้เด็กทำเพียงแบบฝึกหัดในกระดาษอย่างที่ทำกันโดยทั่วไป
ในฐานะประธานสถาบันวิจัยปฏิบัติการการศึกษาปฐมวัย กว่า40ปีที่ผมทำงานวิจัยเพื่อค้นหาว่าเราจะบ่มเพาะ “พลังแห่งการคิด” ของเด็กปฐมวัยได้อย่างไร ปัจจุบันผมก็ยังคงทึ่งกับความสามารถอันไร้ขีดจำกัดของเด็กๆ และยังเดินหน้า วิจัยต่อไปอย่างสุดความสามารถ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทางสถาบันได้รับคำขอบคุณและเสียงตอบรับเป็นอย่างดีจากหลายภาคส่วน ทั้งผู้ที่เคยทำงานวิจัยร่วมกันทั้งญี่ปุ่นและต่างชาติ รวมถึงผู้ที่ไม่เคยทำงานเกี่ยวข้องกับการศึกษาด้วย
ผมไม่เชื่อว่าระบบการศึกษาแบบกวดวิชาจะสามารถเพิ่มความสามารถด้านความคิดให้แก่เด็กๆได้ การใช้ร่างกาย การใช้มือ การใช้ความคิด และการแก้ปัญหาต่างหากที่สามารถช่วยได้ ซึ่งสิ่งนี้เป็นกระบวนการหลักของ “KUNO Method” ที่ KOGUMAKAI เราเน้นการศึกษาด้วยการใช้สิ่งของ ซึ่งเราจะใช้อุปกรณ์ต่างๆ ให้เด็กได้ทดลองถูกผิด ตั้งคำถาม หาคำตอบ และแก้ปัญหา รวมทั้งการศึกษาผ่านบทสนทนาให้เด็กได้มีการพัฒนาด้านความคิด หลักการ 3 ข้อ ของ KUNO Method (การเรียนรู้ผ่านสิ่งต่างๆรอบตัว, การเรียนรู้ผ่านการสนทนา, การศึกษาขั้นพื้นก่อนวัยเรียน) ได้รับการยอมรับว่าเป็น วิธีการศึกษาขั้นพื้นฐานสำหรับช่วงปฐมวัยอย่างแท้จริง ท่ามกลางการศึกษาที่ขาดแคลนการเรียนจากสิ่งที่เป็นรูปธรรม ผมหวังว่าเด็กผู้เป็นอนาคตของชาติจะได้เรียนรู้ “พลังแห่งการคิด” ซึ่งเปรียบเสมือนพลังที่ทำให้พวกเขาสามารถเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีต่อไป
ปัจจุบัน KOGUMAKAI มีสาขาที่ประเทศ เกาหลีใต้ จีน เวียดนาม อินเดีย สิงคโปร์ และไทย